ประเพณีแห่พญายมบางพระ

ประเพณีแห่พญายมเป็นประเพณีที่เกี่ยวกับความเชื่อของชาวบางพระ จังหวัดชลบุรี ซึ่งมีการประกอบพิธีกันในช่วงวันสงกรานต์คือวันที่ ๑๗ - ๑๘ เมษายน เป็นประเพณีซึ่งเกิดจากภูมิปัญญาของชาวตำบลบางพระ อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี ตำบลบางพระในสมัยนั้นเป็นชุมชนชายทะเลและภูมิประเทศเป็นป่ารก ประชาชนส่วนใหญ่มีอาชีพทำไร่นา และประมง ต่อมาได้เกิดการแพร่ระบาดของโรคมาลาเรียทำให้คนเจ็บป่วยล้มตายจำนวนมาก ไม่มีวิธีการใดแก้ไขได้ จนวันหนึ่งมีชาวบ้านฝันว่ามีวิธีการที่จะลบล้างให้พ้นจากความทุกข์ภัยนั้นได้ ต้องปั้นองค์พญายมและให้ชาวบ้านมารวมตัวกันที่กลางลานบ้านเพื่อทำพิธีบวงสรวง เซ่นไหว้ ขอขมาลาโทษฝากความทุกข์โศกโรคภัยไข้เจ็บแล้วนำองค์พญายมไปลอยในทะเล จากคำบอกเล่าของผู้เฒ่าผู้แก่สืบทอดมา หลายชั่วอายุคน ว่าการแห่พญายมมีการทำกันมาตั้งแต่ราว พ.ศ.๒๔๔๒ ระยะแรกๆ มีการปั้นองค์พญายมที่บ้านกำนันเป๊ะ นางหลา บัวเขียว วิธีการปั้นองค์พญายมก็ใช้วัสดุที่หาได้ง่ายๆ ในท้องถิ่น เช่น ใช้ไม้ไผ่ทำเป็นโครงขึ้นรูปด้วยฟางข้าว กระดาษถุงปูนซีเมนต์ทำเป็นเครื่องทรงอย่างกษัตริย์ แล้วแต่งแต้มด้วยดินหม้อ ดินสอพอง ผิวกายใช้ลูกเสมามาคั้นเอาน้ำซึ่งมีสีแดง ส่วนดวงตาทำด้วยผลหมากสุกทำให้หน้าตาองค์พญายมดูน่าเกรงขาม มือขวาถือบ่วงบาศ มือซ้ายถือไม้เท้ายมทัณฑ์ ใช้ไม้ไผ่ทำเป็นเสลี่ยงสำหรับหามองค์พญายมเวลาแห่นำท่านไปลอยลงทะเล ความเชื่อเกี่ยวกับพญายมนั้น มีอยู่ในทุกชาติทุกภาษาต่างกัน แต่ชื่อฝรั่งเรียกว่า Baphomet คนจีนถือว่า พญายมเป็นพระโพธิสัตว์องค์หนึ่ง สำหรับความเชื่อของคนไทยมีปรากฏในหนังสือไตรภูมิพระร่วง ซึ่งทรงพระราชนิพนธ์ขึ้นโดยพระมหาธรรมราชาที่ ๑ (ลิไท) สมัยกรุงสุโขทัย แต่ในความเชื่อของทุกชาติทุกภาษาก็คล้ายกันคือท่านเป็นเจ้าแห่งภูตผีปีศาจมีหน้าที่ตัดสินบุญบาปดวงวิญญาณที่ตาย ปัจจุบันชาวตำบลบางพระได้สืบสานประเพณีนี้ต่อเนื่องจากรุ่นสู่รุ่น เพื่อเป็นที่พึ่งทางใจ และเป็นการสร้างความสามัคคีให้คนในชุมชนร่วมกันคิดแก้ปัญหา ช่วยกันทำ จนหน่วยงานองค์กรปกครองท้องถิ่นเห็นความสำคัญจึงเข้ามามีส่วนร่วม มีการปรับเปลี่ยนวิธีการบ้างแต่ยังคงพิธีกรรมตามความเชื่อของบรรพบุรุษไว้ ก่อนปั้นองค์พญายม ผู้ปั้นคนปัจจุบันคือนายประพันธ์ พลเมืองรัตน์ จะอธิษฐานจิตบอกครูบาอาจารย์ ขอพรให้องค์พญายมช่วยปัดเป่าเภทภัยพิบัติให้ทุกข์โศกมลายสิ้นไปจากชุมชนตำบลบางพระ ในการปั้นองค์พญายมจะใช้โครงลวดขึ้นรูป เครื่องทรงใช้ปูนที่ทำจากเปลือกหอยบดผสมทรายละเอียดทำให้ดูสง่าน่าเกรงขาม เมื่อปั้นองค์พญายมเสร็จแล้ว ในวันที่ ๑๗ เมษายน ชาวบ้านจะมารวมตัวกัน เพื่ออัญเชิญองค์พญายมไปประทับ ณ. ชุมชนคอเขาพัฒนา หมู่ที่ ๔ เพื่อทำพิธีเบิกเนตรและทอดผ้าป่านำเงินถวายวัด รุ่งขึ้นวันที่ ๑๘ เมษายน ซึ่งเป็นวันสุดท้ายเทศกาลวันไหลสงกรานต์ของตำบลบางพระ เวลาประมาณ ๑๓.๐๐ น. จะอัญเชิญองค์พญายมขึ้นบนรถยนต์ ชุมชนต่างๆ ห้างร้านบริษัท และหน่วยงานราชการจะจัดตกแต่งรถบุปผชาติอย่างสวยงาม เข้าร่วมในริ้วขบวนแห่อัญเชิญองค์พญายม โดยใช้เส้นทางตามถนนสุขุมวิทไปรอบชุมชนต่างๆ ในตำบลบางพระ ตลอดเส้นทางจะมีประชาชนคอยสรงน้ำพระพุทธรูป รูปปั้นอดีตเจ้าอาวาสวัด เกจิอาจารย์ ที่เคารพนับถือ พร้อมอธิฐานจิตฝากทุกข์โศกไปกับองค์พญายม ระยะทางประมาณ ๔ กิโลเมตร กว่าจะถึงชายทะเลชุมชนท้ายบ้านหมู่ที่ ๑ ต้องใช้เวลาประมาณ ๔ ชั่วโมง เมื่ออัญเชิญองค์พญายมมาถึงบริเวณพิธี ชายฉกรรจ์จะช่วยกันแบกขึ้นประทับบนโต๊ะที่จัดเตรียมไว้โดยหันหน้าท่านออกสู่ทะเล เบื้องหน้ามีเครื่องบูชาประกอบด้วยกระถางธูป บายศรี แจกันดอกไม้ พร้อมอาหารเครื่องเซ่นคาวหวานและผลไม้จำนวน ๕ โต๊ะ ก่อนนำท่านลอยลงสู่ทะเลชาวบ้านได้นิมนต์พระสงฆ์จากวัดต่างๆ ในชุมชน ๙ รูปเจริญพระพุทธมนต์ และพราหมณ์หลวงจากเทวสถานโบสถ์พราหมณ์ทำพิธีอ่านเทวโองการเสร็จแล้วเชิญชาวบ้านจุดธูปอธิฐานจิตเพื่อฝากเคราะห์ทุกข์โศกไปกับองค์พญายมและจุดธูปถวายเครื่องสังเวยท้าวจตุโลกบาลทั้ง ๔ ทิศ เวลาประมาณ ๑๘.๓๐ น. ก่อนที่ตะวันจะลับขอบฟ้าเมื่อเสียงประทัดดังขึ้นเป็นสัญญาณ ชายฉกรรจ์จะช่วยกันหามองค์พญายมประทับลงบนแพลอยลงสู่ทะเล จะมีขบวนเรือประมงมาลางจูงแพเพื่อนำท่านไปลอยออกสู่ปากอ่าวบางพระให้ไกลที่สุด เป็นอันเสร็จพิธี องค์พญายมท่านจะนำความทุกข์ยากลำบาก ความเศร้า ความโศก โรคภัยไข้เจ็บอันตรายทั้งหลายจะเสื่อมไปสิ้นไป สูญไป ชาวตำบลบางพระจะมีแต่ความสุข ความเจริญตลอดไป ประเพณีแห่พญายมของชาวตำบลบางพระ เป็นภูมิปัญญาที่มีความโดดเด่น เป็นเอกลักษณ์ คุณลักษณะบ่งบอกความเป็นท้องถิ่นที่มีวัฒนธรรม มีคุณค่าทางจิตใจ คุณค่าทางประวัติศาสตร์ วิชาการและศิลปะ เป็นภูมิปัญญาที่เกิดจากชาวบ้านเพื่อร่วมกันแก้ปัญหาให้ชุมชนผ่านพ้นวิกฤตมีจิตสำนึกในการทำความดี ยึดมั่นปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธศาสนา จนสามารถดำรงความเป็นชุมชนอยู่ได้ ประเพณีแห่พญายมจึงเป็นองค์ความรู้ที่มีคุณค่าและความดีงามที่จรรโลงชีวิตและวิถีชุมชนให้อยู่ร่วมกับธรรมชาติและสภาวะแวดล้อมได้อย่างกลมกลืนและสมดุล

Google Map

การติดต่อ