กิจกรรมการท่องเที่ยว

เริ่มกันที่วัดประโชติการาม วัดแห่งนี้ตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองสิงห์บุรี ไปทาง อ.อินทร์บุรี ราว 5 กม. เป็นวัดเก่าแก่คู่เมืองอีกแห่งหนึ่ง เดิมชาวบ้านเรียนสั้น ๆ ว่าวัดประโชติหรือวัดประชด หลักฐานการสร้างไม่ปรากฏแน่ชัด มีเพียงตำนานที่เกี่ยวกับสิงหพาหุ ผู้มีพ่อเป็นสิงห์แล้วเกิดความอับอายที่มีพ่อเป็นสัตว์เดรัจฉาน จึงฆ่าพ่อตัวเองเสีย ภายหลังสำนึกในความผิดจึงไปสร้าง พระนอนจักรสีห์และวัดสละบาปเพื่อเป็นการไถ่บาป แต่ก็ยังกลัวว่าบาปนั้นไม่ได้เบาบางลง จึงได้มาสร้างวัดประชดขึ้นอีกแห่ง โดยสร้างพระพุทธรูปยืนปางห้ามญาติขึ้น 2 องค์ ขนานนามว่า หลวงพ่อทรัพย์ และหลวงพ่อสิน หลวงพ่อทรัพย์และหลวงพ่อสินเป็นพระพุทธรูปจัดอยู่ในกลุ่มพระอัฏฐารส คือพระยืนที่สร้างแล้วมีความสูงเกิน 18 ศอก และที่พิเศษไปกว่านี้คือเป็นพระพุทธรูป ยืนซ้อนกัน 2 องค์ โดยหลวงพ่อสินประดิษฐานอยู่ทางด้านหน้า หลวงพ่อทรัพย์อยู่ทางด้านหลัง หลวงพ่อสินองค์หน้า สูง 3 วา 3 ศอก 5 นิ้ว ส่วนหลวงพ่อทรัพย์องค์หลัง สูง 6 วา 7 นิ้ว ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 3 “ วิทยา เต่าทอง” ตำบลบางกระบือ อ.ดอนกระต่าย เล่าให้ฟังว่า “ชาวบ้านแถวนี้พื้นเพทำอาชีพ เกษตรกร บางส่วนรับราชการและกลุ่มอาชีพเลี้ยงปลาช่อนแม่ลา มีประชากร 884 คน ทั้งหมด 262 หลังคาเรือน เมื่อมีโครงการนวัตวิถีเข้ามาทำให้ชาวบ้านในชุมชนเริ่มตื่นตัว หลายคนเริ่มเข้ามามีส่วนร่วมในการทำกิจกรรม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอาหารหรือการท่องเที่ยว ชุมชนคึกคัก เห็นความสำคัญของการร่วมแรงร่วมใจกันด้านเส้นทางท่องเที่ยวในชุมชนเพื่อรองรับนักท่องเที่ยว สถานที่แรกคือ ต้องมาที่วัด ประโชติการาม ความสำคัญของวัดประโชติการาม คือเป็นที่ประดิษฐานของพระยืน ที่มีอายุ 700 กว่าปี จะมีประวัติเชื่อมโยงกับวัดพระนอนจักรสีห์วรวิหาร ใครมาสิงห์บุรี อย่างน้อย ๆ จะกราบพระนอน ขอพรพระนั่ง สมหวังพระยืน วัดประโชติการามก็คือหนึ่งในวัดที่อยู่ในสโลแกนนี้ ต่อจากนั้นมาดูต้นพุทราอายุ 100 กว่าปี ไปดูสวนมะนาวอินทรีย์ชีวภาพที่ปลูกในชุมชน และไปดูแหล่งอนุรักษ์เลี้ยงปลาช่อนแม่ลาที่แหล่งน้ำธรรมชาติหนองบัว ด้านหน้าวัด มีการปรับเตรียมพื้นที่เอาไว้เป็นตลาดนวัตวิถีเพื่อจำหน่ายสินค้าของชุมชน ไม่ว่าจะเป็น กลุ่มแม่บ้านทองม้วนหัวฟู น้ำพริกเผา น้ำพริกตาแดง กลุ่มจักสาน ตลาดแห่งนี้เปิดในตอนเช้าของวันเสาร์